ถ้าคุณรู้สึกว่าโฆษณาบน Facebook เป็นอะไรที่น่างงเอามากๆ ขอบอกว่าคุณไม่ได้คิดไปเองคนเดียว
ถึงฟีเจอร์ทั้งหมดที่มีจะทำให้ Facebook เป็นแพลตฟอร์มโฆษณาที่ทรงพลัง แต่มันก็ยิ่งเพิ่มความซับซ้อนให้เราด้วยเหมือนกัน และหนึ่งในฟีเจอร์ที่หลายคนมักจะงงสุดๆ ก็คือ พิกเซลของ Facebook
พิเซลเป็นสิ่งที่แพลตฟอร์มโฆษณาส่วนใหญ่มีกันทั้งนั้น โดยเอาไว้ใช้ติดตามผู้ที่เข้ามาเยี่ยมชมเว็บไซต์ของคุณ เพื่อให้คุณสามารถยิงโฆษณาไปหาพวกเขาได้ในภายหลัง และวิธีการนี้เรียกกว่าการยิงโฆษณาแบบเรียงลำดับ (Sequential Retargeting)
เมื่อคุณยิงโฆษณาไปยังผู้ที่เคยเข้าชมเว็บไซต์ของคุณ คุณก็สามารถใช้พิกเซลของ Facebook ติดตามพฤติกรรมของพวกเขาเมื่อพวกเขากลับมาที่เว็บคุณอีกครั้งได้ ในเดือนกุมภาพันธ์ปี 2022 พิกเซลของ Facebook ได้เปลี่ยนชื่อเป็น “พิกเซลของ Meta” และสามารถใช้กับการโฆษณาได้ทั้งบน Facebook และ Instagram
บทความนี้จะพาคุณไปทำความรู้จักกับพิกเซลของ Facebook วิธีสร้างพิกเซล และวิธีต่างๆ ในการใช้พิกเซล เพื่อบูสต์คอนเวอร์ชัน และเพิ่มผลตอบแทนจากการลงทุน (ROI)
พิกเซล Facebook คืออะไร (หรือในชื่อใหม่ว่าพิกเซลของ Meta)
พิกเซล Facebook เป็นเครื่องมือวิเคราะห์ที่ช่วยให้คุณวัดประสิทธิภาพของแคมเปญโฆษณาบน Facebook โดยการติดตามสิ่งที่ผู้เข้าชมทำบนเว็บไซต์ของคุณ
พิกเซลของ Facebook เป็นโค้ดที่จะติดตามเหตุการณ์ต่าง ๆ ดังนี้
- ยอดการเข้าชมหน้าเว็บ
- การเพิ่มลงในตะกร้า
- การซื้อ
- ความลึกในการเลื่อนดูหน้าเว็บไซต์
- เวลาอยู่บนหน้าเว็บไซต์
- และอื่น ๆ
พิกเซลของ Facebook จะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพให้กับโฆษณาของคุณ และช่วยให้คุณมั่นใจว่าคุณยิงโฆษณาไปยังกลุ่มผู้ชมที่ถูกต้อง นอกจากนี้ คุณยังสามารถใช้พิกเซลเพื่อปรับปรุงการโฆษณาโดยกำหนดเป้าหมายซ้ำบน Facebook และยิงโฆษณาซ้ำไปยังผู้ที่เคยเข้าชมหน้าเว็บไซต์ใดเว็บไซต์หนึ่ง หรือเคยดำเนินการตามที่คุณต้องการบนเว็บไซต์ของคุณด้วย
สรุปสั้นๆ ก็คือ พิกเซลของ Facebook นั้นจะช่วยให้คุณเข้าใจอิมแพ็กของโฆษณาได้ดีขึ้น โดยทำความเข้าใจว่าผู้คนทำอะไรต่อหลังจากที่เห็นโฆษณานั้น ดังนั้นคุณจึงสามารถเข้าถึงผู้คนที่มีแนวโน้มจะดำเนินการตามที่คุณต้องการได้มากขึ้น เช่น ซื้อผลิตภัณฑ์นั่นเอง
พิกเซลของ Facebook และการอัปเดต iOS 17
ในปี 2020 การอัปเดต iOS 14.5 กำหนดให้คุณต้องขออนุญาตเพื่อติดตามข้อมูลผู้ใช้ iOS ทั้งนี้ iOS 17 ก็ต่อยอดมาจากระบบปฏิบัติการในเวอร์ชันก่อนๆ ที่มาพร้อม App Tracking Transparency (ATT) หรือฟีเจอร์ความโปร่งใสในการติดตามของแอป ซึ่งกำหนดให้แอปต่างๆ ต้องขออนุญาตจากผู้ใช้ก่อนจะติดตามข้อมูลของพวกเขาผ่านแอปและเว็บไซต์ของบริษัทอื่น
💡 เคล็ดลับ: ถ้าคุณต้องการให้โฆษณาของคุณมีประสิทธิภาพมากขึ้นล่ะก็ ลองใช้ Shopify Audiences เพื่อค้นหาผู้ซื้อที่เกี่ยวข้องและลดค่าใช้จ่ายในการโฆษณาด้วยการกำหนดกลุ่มเป้าหมายด้วยตัวเอง โดยใช้ขุมพลังจากข้อมูลเชิงลึกการค้าเชิงลึกที่ไม่เหมือนใครเป็นตัวขับเคลื่อน
พิกเซลของ Facebook ทำงานอย่างไร
Facebook เคยมีพิกเซลสำหรับกลุ่มเป้าหมายที่กำหนดเอง เพื่อยิงโฆษณาซ้ำไปยังผู้ที่เคยเข้าชมเว็บไซต์ และพิกเซลสำหรับติดตามคอนเวอร์ชันต่างๆ ของเว็บไซต์ เช่น การขาย แม้บัญชีโฆษณาหนึ่งๆ จะมีพิกเซลสำหรับกลุ่มเป้าหมายที่กำหนดเองได้แค่ 1 ตัว แต่คุณก็สามารถสร้างพิกเซลสำหรับคอนเวอร์ชันได้หลายตัว เช่น สร้างพิกเซลสำหรับเว็บเพจแต่ละหน้าที่คุณต้องการแทร็กคอนเวอร์ชัน เป็นต้น
แม้ว่าพิกเซลของ Facebook จะเป็นเรื่องที่ฟังแล้วงงๆ อยู่หน่อยๆ แต่พิกเซลเหล่านี้นี่แหละที่ทำให้การโฆษณาบน Facebook มีประสิทธิภาพมากขึ้น เพราะมันไม่เพียงแต่จะบอกคุณว่าคุณกำลังโฆษณาให้ใครอยู่ แต่ยังช่วยให้คุณทำความเข้าใจประสิทธิภาพของโฆษณาบน Facebook ของคุณได้ดียิ่งขึ้นด้วย และคุณสามารถใช้พิกเซลเหล่านี้ในการทำให้ข้อความโฆษณาของคุณได้ผลดียิ่งขึ้น เพื่อให้คุ้มค่าสุดๆ กับการที่คุณจ่ายเงินโฆษณาไปนั่นเอง
พิกเซลของ Facebook มีการดำเนินงาน 6 ขั้นตอน ดังนี้
- ติดตั้งพิกเซล: ทุกอย่างเริ่มต้นด้วยการเพิ่มโค้ดติดตามลงในเว็บไซต์ของคุณ
- รวบรวมข้อมูลเชิงลึก: คุณจะเริ่มได้รับข้อมูลเชิงลึกเกี่ยวกับผู้เข้าชมเว็บไซต์ เช่น แหล่งที่มาของการเข้าชม อุปกรณ์ที่ใช้ และข้อมูลประชากรอื่นๆ
- ตรวจสอบพฤติกรรม: ดูว่าผู้คนทำอะไรบนเว็บไซต์ของคุณ ไม่ว่าจะเป็นการสำรวจหน้าผลิตภัณฑ์ใดผลิตภัณณ์หนึ่ง หรือกดสิ่งของลงในตะกร้า
- สร้างกลุ่มเป้าหมาย: ใช้ข้อมูลที่รวบรวมจากเหตุการณ์ของพิกเซล เพื่อสร้างกลุ่มเป้าหมายแบบกำหนดเองของ Facebook รวมถึงกลุ่มเป้าหมายที่คล้ายคลึงกัน และโฆษณาที่ปรับแต่งมาเพื่อคนกลุ่มเหล่านั้น
- เพิ่มประสิทธิภาพการประมูล: ใช้กลยุทธ์การเสนอราคาที่มีต้นทุนต่ำที่สุด เพื่อเข้าถึงผู้คนที่มีแนวโน้มจะดำเนินการตามที่คุณต้องการ เช่น ซื้อผลิตภัณฑ์ เพื่อให้คุณสามารถใช้งบประมาณได้อย่างมีประสิทธิภาพ
- วิเคราะห์เหตุการณ์: ประเมินเหตุการณ์ของคอนเวอร์ชัน เพื่อหากลยุทธ์โฆษณาบน Facebook ที่ดีที่สุดสำหรับธุรกิจของคุณ
วิธีติดตั้งพิกเซล Facebook
- สร้างพิกเซลของคุณ
- ตั้งชื่อพิกเซลของคุณ
- ตรวจสอบการเชื่อมต่อกับพาร์ตเนอร์
- เลือกวิธีเชื่อมต่อเว็บไซต์ของคุณ
- ตั้งค่า API คอนเวอร์ชัน
พิกเซลตัวปัจจุบันของ Facebook นั้น มีการทำงานที่คล้ายๆ กับพิกเซลสำหรับกลุ่มเป้าหมายที่กำหนดเองตัวเก่า โดยต้องอยู่ที่ส่วนหัวของหน้าดัชนี (Index) เพื่อให้พิกเซลนั้นอยู่ในทุกหน้าบนเว็บไซต์ของคุณ ไม่ว่าจะโหลดหน้าไหน พิกเซลก็จะถูกเรียกใช้และติดตามว่าผู้เข้าชมอยู่ที่ไหน
ก่อนอื่น ถ้าคุณยังไม่ได้ติดตั้งพิกเซล คุณก็ต้องสร้างพิกเซลของคุณก่อน เข้าสู่ระบบเพื่อไปยังตัวจัดการเหตุการณ์ของ Facebook ได้เลย
1. สร้างพิกเซล
คลิก + เพื่อเชื่อมต่อแหล่งข้อมูลใหม่ จากนั้นเลือกแหล่งข้อมูลของคุณ
2. ตั้งชื่อพิกเซล
หลังจากเลือกแหล่งข้อมูลของคุณแล้ว ให้คลิก เชื่อมต่อ จากนั้นตั้งชื่อพิกเซลของคุณ
3. เช็คการเชื่อมต่อกับพาร์ตเนอร์
ถัดไป คุณจะถูกขอให้ตรวจสอบการเชื่อมต่อกับพาร์ตเนอร์ ใส่เว็บไซต์ของคุณและคลิก ตรวจสอบ
4. เลือกวิธีเชื่อมต่อเว็บไซต์
หากคุณมีสิทธิ์ในการเชื่อมต่อ คุณจะได้เลือกวิธีเชื่อมต่อเว็บไซต์ของคุณกับ Facebook ซึ่ง Facebook นั้นแนะนำให้ใช้ตัวเลือก “API คอนเวอร์ชันและพิกเซลของ Meta”
5. ตั้งค่า Conversion API
ถัดไป เลือกวิธีที่คุณจะตั้งค่า API คอนเวอร์ชัน วิธีที่ง่ายที่สุดคือผ่านการเชื่อมต่อกับพาร์ตเนอร์ เลือก “ตั้งค่าด้วยการเชื่อมต่อกับพาร์ทเนอร์” จากนั้นคลิก ถัดไป
เลือก Shopify จากนั้นทำตามคำแนะนำ เพื่อเชื่อมต่อร้านค้า Shopify ของคุณกับ Facebook หากคุณยังไม่ได้ทำ
ถ้าคุณต้องการข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับการเชื่อมต่อพิกเซลของ Facebook กับร้านค้า Shopify ของคุณ ให้อ่านคู่มือช่วยเหลือของเรา นอกจากนี้ คุณยังสามารถดาวน์โหลดตัวช่วยพิกเซลของ Meta เพื่อตรวจสอบการติดตั้งและแก้ไขปัญหา
ตัวเลือกการกำหนดเป้าหมายของพิกเซล Facebook
- กลุ่มเป้าหมายที่กำหนดเองได้จากเว็บไซต์
- คอนเวอร์ชันที่กำหนดเองได้
- อีเว้นท์มาตรฐานและอีเว้นท์ที่กำหนดเองได้
- โฆษณาแบบไดนามิก
พิกเซลของ Facebook มีฟังก์ชันหลักๆ 4 แบบ ที่จะช่วยให้คุณได้รับผลตอบแทนจากการลงทุนได้มากขึ้น ดังนี้
กลุ่มเป้าหมายที่กำหนดเองได้จากเว็บไซต์
กลุ่มเป้าหมายที่กำหนดเองจากเว็บไซต์ของคุณคือวิธีที่ Facebook ช่วยให้คุณสามารถยิงโฆษณาซ้ำไปยังผู้เข้าชมเว็บไซต์ ถ้าคุณติดตั้งพิกเซลของ Facebook เอาไว้แล้ว พิกเซลก็จะติดตามการเคลื่อนไหวของผู้ที่เข้าชมเว็บไซต์คุณและล็อกอิน Facebook อยู่ในเวลาเดียวกัน
Pixel จะติดตามกิจกรรมต่างๆ อาทิ
- หน้าเพจที่ผู้ใช้เข้าชม
- หน้าเพจที่ผู้ใช้ไม่เข้าชม
- เวลาที่ผู้ใช้เข้าชมหน้าเพจ
- ความลึกในการเลื่อนดูหน้าเว็บไซต์
- เวลาที่ใช้บนหน้าเพจ
เมื่อใช้ข้อมูลเหล่านี้ คุณก็สามารถยิงโฆษณาไปยังกลุ่มคนแบบเฉพาะเจาะจงสุดๆ ได้ แถมยังใช้ข้อมูลนี้เพื่อสร้างกลุ่มเป้าหมายที่คล้ายคลึงกัน และเข้าถึงลูกค้าที่มีแนวโน้มจะซื้อผลิตภัณฑ์ของคุณด้วย นอกจากนี้ ยังมีประโยชน์ในการกันกลุ่มที่คุณไม่ต้องการออกไป เพื่อไม่ให้คุณยิงโฆษณาไปยังผู้ใช้ที่อาจจะไม่ได้สร้างคอนเวอร์ชันหรือไม่ได้มีความสนใจมากนัก
อย่างไรก็ตาม ต้องบอกไว้ก่อนว่า เมื่อคุณโฆษณาบน Facebook คุณจะไม่สามารถเลือกผู้เข้าชมเว็บไซต์แบบเฉพาะเจาะจงเป็นรายคน แล้วยิงโฆษณาไปหาพวกเขาได้ แต่คุณสามารถโฆษณาให้กับกลุ่มผู้ใช้ (กลุ่มเป้าหมายที่กำหนดเองจากเว็บไซต์ของคุณ) ที่มีพฤติกรรมร่วมกัน เช่น
- ผู้ที่เคยเยี่ยมชมเว็บไซต์ในช่วง 24 ชั่วโมงที่ผ่านมา
- ผู้ที่เคยเยี่ยมชมเว็บไซต์ในช่วง 180 วันที่ผ่านมา แต่ไม่ได้กลับมาใน 30 วัน
- ผู้ที่เคยเยี่ยมชมหน้าแลนดิ้งหน้าใดหน้าหนึ่งบนเว็บไซต์
- ผู้ที่เคยเยี่ยมชมหน้าใดหน้าหนึ่งบนเว็บไซต์ แต่ไม่เคยเยี่ยมชมหน้าอื่นๆ
คุณสามารถนิยามกลุ่มเป้าหมายที่กำหนดเองจากเว็บไซต์ โดยอ้างอิงตามหน้าเพจที่พวกเขาเข้าชมหรือไม่เข้าชม และเวลาที่พวกเขาเยี่ยมชมเว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถเลือกช่วงเวลาได้ตั้งแต่ 1 วัน ถึง 180 วัน
กลุ่มเป้าหมายจะถูกสร้างขึ้นแยกจากโฆษณา เมื่อสร้างกลุ่มเป้าหมายแล้ว คุณสามารถเลือกเวลาในการยิงโฆษณา และเลือกโฆษณาที่จะใช้ หรือจะปล่อยให้โฆษณาค่อยๆ โชว์เพื่อการนำไปใช้ในอนาคตก็ได้
คอนเวอร์ชันที่กำหนดเองได้
หนึ่งในสิ่งที่น่าตื่นเต้นที่สุดเกี่ยวกับพิกเซลของ Facebook คือความสามารถในการสร้างคอนเวอร์ชันที่กำหนดเอง ซึ่งก็คล้ายๆ กับวิธีที่คุณสร้างกลุ่มเป้าหมายที่กำหนดเองนั่นแหละ คอนเวอร์ชันที่กำหนดเองนั้นสร้างขึ้นได้โดยการเลือกหน้าเสร็จสิ้นกิจกรรม (Completion page) และตั้งชื่อคอนเวอร์ชันนั้น โดยทั่วไปแล้ว หน้าเสร็จสิ้นกิจกรรมก็คือหน้าที่แสดงข้อความ “ขอบคุณ” นั่นเอง
ตัวอย่างเช่น
- ขอบคุณที่ช้อปปิ้ง สั่งซื้อของคุณกำลังเดินทาง
- ขอบคุณที่ลงทะเบียน คุณจะได้รับอีเมลแรกจากเราในไม่ช้า
- ขอบคุณสำหรับความคิดเห็นของคุณ คุณสามารถดาวน์โหลดฟรีได้เลย
ด้วยเหตุนี้เอง จึงหมายความว่าคุณสามารถสร้างคอนเวอร์ชันที่กำหนดเองได้แยกจากโฆษณาบน Facebook ของคุณ และเลือกเวลาที่จะนำไปใช้ในอนาคตได้ด้วย
เนื่องจากพิกเซลติดตามนั้นจะถูกเรียกใช้ในทุกหน้าของเว็บไซต์คุณอยู่แล้ว มันจึงสามารถรู้ได้เลยเมื่อมีคนไปที่หน้าเสร็จสิ้นกิจกรรม โดยเฉพาะผู้ที่มาจากการคลิกโฆษณาบน Facebook ของคุณ
นอกจากนี้ คุณยังสามารถเลือกหมวดหมู่สำหรับคอนเวอร์ชันและเพิ่มมูลค่าที่เป็นตัวเงินได้ เช่น สมมติว่าคุณสร้างคอนเวอร์ชันที่กำหนดเอง ซึ่งจะติดตามผู้ที่เข้าไปยังหน้าดาวน์โหลดอีบุ๊ก คุณก็สามารถใส่ราคาของอีบุ๊กนั้นลงไปได้ ฟีเจอร์นี้จะช่วยให้คุณทราบว่าคุณได้กำไรจากแคมเปญโฆษณานั้นหรือไม่ เช่น ถ้าอีบุ๊กของคุณราคา 200 บาท แต่คุณต้องจ่าย 250 บาทสำหรับทุกยอดขายที่มาจาก Facebook คุณอาจจะต้องเปลี่ยนแปลงแคมเปญโฆษณานั้นหน่อยนะ
หมวดหมู่ของคอนเวอร์ชันที่กำหนดเองที่คุณสามารถเลือกได้
- เพิ่มข้อมูลการชำระเงิน
- เพิ่มลงในตะกร้า
- เพิ่มลงในรายการโปรด
- เสร็จสิ้นการลงทะเบียน
- เริ่มการชำระเงิน
- สร้างโอกาส
- การซื้อ
- ค้นหา
- ดูเนื้อหา
สิ่งที่น่าสนใจเกี่ยวกับคอนเวอร์ชันที่กำหนดเองเมื่อโฆษณาบน Facebook ก็คือ เมื่อสร้างคอนเวอร์ชันขึ้นมา นมัจะถูกติดตามสำหรับโฆษณาทั้งหมดของคุณ ไม่ว่าคุณจะเลือกที่จะปรับปรุงประสิทธิภาพให้เหมาะกับมันหรือไม่
คอนเวอร์ชันที่กำหนดเองทั้งหมดของคุณจะถูกติดตามเสมอ คุณสามารถสร้างรายงานสำหรับหนึ่งในโฆษณาบน Facebook ของคุณได้ โดยรายงานนั้นจะแสดงอัตราคอนเวอร์ชันสำหรับคอนเวอร์ชันที่กำหนดเองของคุณตัวไหนก็ได้
คุณจะมีคอนเวอร์ชันที่กำหนดเองได้ไม่เกิน 100 ตัวต่อ 1 บัญชีโฆษณา และคุณสามารถลบคอนเวอร์ชันที่กำหนดเอง ได้ตลอดเวลา (ก่อนหน้านี้ คอนเวอร์ชันเคยถูกจำกัดไว้ที่ 20 ตัว แถมไม่สามารถลบได้ด้วยนะ)
อีเว้นท์มาตรฐานและอีเว้นท์ที่กำหนดเองได้
เมื่อมีคนดำเนินการอะไรบนเว็บไซต์ของคุณ พิกเซลของ Facebook จะบันทึกเป็นเหตุการณ์นั้น คุณสามารถใช้พิกเซลเพื่อติดตามเหตุการณ์ได้ 2 ประเภท ดังนี้
- อีเวนท์มาตรฐาน หรือการดำเนินการที่กำหนดไว้แล้วล่วงหน้า ซึ่งเป็นเหตุการณ์ที่ Facebook รู้จักผ่านผลิตภัณฑ์โฆษณาต่างๆ
- เอีเวนท์ที่กำหนดเอง หรืออีเวนท์ที่ Facebook ไม่ได้ครอบคลุม และเป็นอีเวนท์ที่คุณตั้งชื่อเอง
อีเว้นท์มาตรฐานของพิกเซล Facebook
เหตุการณ์มาตรฐานของพิกเซลของ Facebook ซึ่งคุณสามารถใช้ได้โดยการคัดลอกและวางโค้ดอีเว้นท์นั้นมีอยู่ 17 เหตุการณ์ ดังนี้
- เพิ่มข้อมูลการชำระเงิน: สำหรับการเพิ่มข้อมูลการชำระเงินในชั้นตอนการชำระเงิน
- เพิ่มลงในตะกร้า: สำหรับการเพิ่มสินค้าลงในตะกร้า
- เพิ่มลงในรายการโปรด: สำหรับการเพิ่มสินค้าลงในรายการโปรด
- เสร็จสิ้นการลงทะเบียน: สำหรับการลงทะเบียนเข้าร่วมกิจกรรมหรือการสมัครรับข้อมูลทางอีเมล
- ติดต่อ: สำหรับการติดต่อกับธุรกิจของคุณ
- ปรับแต่งผลิตภัณฑ์: สำหรับการปรับแต่งผลิตภัณฑ์บนเว็บไซต์ของคุณ เช่น การเลือกสี
- บริจาค: สำหรับการอนุญาตให้ผู้เข้าชมบริจาคให้กับธุรกิจของคุณ
- ค้นหาสถานที่: สำหรับการช่วยค้นหาหนึ่งในร้านค้า
- เริ่มการชำระเงิน: สำหรับการเริ่มกระบวนการชำระเงิน โดยการคลิกปุ่มชำระเงิน
- สร้างโอกาส: สำหรับการอนุญาตให้ผู้เข้าชมระบุว่าพวกเขามีโอกาสเป็นลูกค้าของคุณผ่าน การส่งแบบฟอร์มหรือเริ่มทดลองใช้งาน เป็นต้น
- การซื้อ: สำหรับเมื่อผู้เข้าชมซื้อสินค้า และไปยังหน้า “ขอบคุณ” หรือหน้ายืนยัน
- นัดหมาย: สำหรับการจองนัดหมายกับธุรกิจ
- ค้นหา: สำหรับการค้นหาสิ่งใดสิ่งหนึ่งบนเว็บไซต์หรือแอป
- เริ่มทดลองใช้: สำหรับการเริ่มทดลองผลิตภัณฑ์หรือบริการที่คุณเสนอ
- ส่งใบสมัคร: สำหรับการส่งใบสมัครสำหรับผลิตภัณฑ์ บริการ หรือโปรแกรม
- สมัครสมาชิก: สำหรับการลงทะเบียนสำหรับผลิตภัณฑ์หรือบริการที่ต้องชำระเงิน
- ดูเนื้อหา: สำหรับเมื่อผู้เข้าชมไปยังหน้าแลนดิ้งหรือหน้าผลิตภัณฑ์ที่คุณให้ความสำคัญ
อีเวนท์มาตรฐานยังรองรับพารามิเตอร์ต่างๆ ซึ่งจะอนุญาตให้คุณใส่ข้อมูลเพิ่มเติมที่เกี่ยวข้องกับอีเวนท์ด้วย เช่น
- หมายเลขผลิตภัณฑ์
- หมวดหมู่
- จำนวนผลิตภัณฑ์ที่ซื้อ
- ประเภทเนื้อหา
- มูลค่าคอนเวอร์ชัน
หากคุณต้องการติดตามเหตุการณ์ เช่น ความลึกในการเลื่อนดูหน้าเว็บไซต์จากหมวดหมู่เฉพาะบนเว็บไซต์ของคุณ แทนที่จะติดตามจากทุกหน้า คุณสามารถแยกกลุ่มผู้ชมตามกิจกรรมที่เกี่ยวข้องกับคอนเวอร์ชันบนเว็บไซต์ของคุณ และกำหนดกลุ่มเป้าหมายที่คุณสร้างขึ้นได้อย่างละเอียดมากขึ้น
อีเวนท์ที่กำหนดเองได้
เหตุการณ์ที่กำหนดเองนั้นไม่จำเป็นต้องผูกอยู่กับ URL (เพื่อโชว์หน้า “ขอบคุณ” หรือหน้าเสร็จสิ้นกิจกรรม) ซึ่งจะต่างจากคอนเวอร์ชันที่กำหนดเอง
เหตุการณ์ที่กำหนดเองมักถูกใช้เพื่อรวบรวมข้อมูลที่นอกเหนือไปจากที่เหตุการณ์มาตรฐานสามารถให้ได้
โฆษณาแบบไดนามิก
ถ้าคุณเปิดเว็บไซต์อีคอมเมิร์ซ คุณสามารถใช้พิกเซลของ Facebook เพื่อทำโฆษณาแบบไดนามิกได้ โฆษณาเหล่านี้ หรือที่ในบัญชีโฆษณาของคุณเรียกว่าการขายแบบแค็ตตาล็อก จะแสดงผลิตภัณฑ์จากแคตตาล็อกของคุณโดยอัตโนมัติตามกลุ่มเป้าหมายของคุณ
หากธุรกิจของคุณมีผลิตภัณฑ์จำนวนมาก การสร้างโฆษณาแยกไปตามหน้าเพจที่เข้าชมและการดำเนินการต่างๆ อาจไม่ใช่ทางเลือกที่มีประสิทธิภาพนัก ดังนั้นแทนที่จะทำเช่นนั้น คุณก็สามารถสร้างเทมเพลตโฆษณาแบบไดนามิก เพื่อให้โชว์โฆษณาที่เกี่ยวข้องกับพฤติกรรมของลูกค้าเป้าหมายได้
ตัวอย่างเช่น Lumin แบรนด์สกินแคร์สำหรับผู้ชาย ต้องการเข้าไปสู่ตลาดไปยังเม็กซิโก เพื่อเริ่มต้นการขยายตลาดไปสู่ต่างประเทศและบูสต์ยอดขายข้ามข้ามประเทศ
เพื่อให้บรรลุเป้าหมายนี้ บริษัทได้นำข้อมูลที่รวบรวมมาจากพิกเซลของ Facebook ไปดู และใช้ข้อมูลนั้นในการทดสอบแบบแบ่งกลุ่ม การทดสอบนี้จะมีโฆษณาชุดหนึ่งที่แสดงเฉพาะนอกเม็กซิโก และชุดโฆษณาเดียวกันที่แสดงทั้งในและนอกเม็กซิโก
โฆษณาดังกล่าวนำเสนอผลิตภัณฑ์สกินแคร์ของ Lumin หลายรายการ ทั้งในรูปแบบคลิปโฆษณาและภาพถ่าย และทั้งสองแบบต่างมีปุ่ม “Shop Now” หรือเลือกซื้อเลย ที่เชื่อมโยงไปยังเว็บไซต์ของ Lumin จากนั้นเว็บไซต์ก็แสดงโฆษณาเหล่านั้นให้กับผู้ชายอายุ 21 ปีขึ้นไปที่พูดภาษาสเปน โดยยกเว้นกลุ่มเป้าหมายที่เคยซื้อกับ Lumin ในช่วง 180 วันที่ผ่านมา
Lumin ดำเนินแคมเปญตั้งแต่วันที่ 1 พฤศจิกายน ถึง 22 ธันวาคม และรายงานผลลัพธ์ดังนี้
- ต้นทุนสำหรับการซื้อผ่านเว็บไซต์ 1 ครั้ง เพิ่มขึ้น 40% เมื่อเพิ่มเม็กซิโกเข้าไป
- ต้นทุนสำหรับยอดการดูหน้าแลนดิ้ง 1 ครั้ง ลดลง 62% เมื่อเพิ่มเม็กซิโกเข้าไป
ทั้งหมดนี้เกิดขึ้นได้ด้วยพิกเซลของ Facebook
ทำไมต้องติดตั้งพิกเซลของ Facebook
- ปรับปรุง ROI ของต้นทุนการโฆษณาบน Facebook
- ใช้ประโยชน์จากการติดตามคอนเวอร์ชันของ Facebook
- ยิงโฆษณาซ้ำไปยังผู้ที่เคยเข้าชมเว็บไซต์
- สร้างแคมเปญสำหรับกลุ่มเป้าหมายที่คล้ายคลึงกัน
แม้ว่าการอัปเดต iOS จะจำกัดฟีเจอร์บางอย่างของพิกเซลของ Facebook แต่ก็ยังมีฟีเจอร์อื่นๆ อีกมากมายที่จะช่วยให้คุณขยายฐานลูกค้าและได้เสียงตอบรับที่คุณต้องการ
ปรับปรุง ROI ของต้นทุนการโฆษณาบน Facebook
การยิงโฆษณาของคุณไปยังกลุ่มเป้าหมายที่ต้องการนั้นเป็นเพียงขั้นตอนแรกในการปรับปรุง ROI ขั้นตอนถัดไปคือการยิงโฆษณาของคุณไปยังผู้ที่มีแนวโน้มจะตอบสนองเชิงบวกต่อสิ่งที่คุณอยากให้พวกเขาดำเนินการ พิกเซลของ Facebook นั้นจะรวบรวมข้อมูลผู้ใช้ ที่จะช่วยให้คุณสามารถยิงโฆษณาไปยังกลุ่มคนเหล่านี้ได้
ใช้ประโยชน์จากการติดตามคอนเวอร์ชันของ Facebook
พิกเซลของ Facebook ช่วยให้คุณเห็นว่ากลุ่มเป้าหมายของคุณตอบสนองต่อโฆษณาของคุณอย่างไร มันจะติดตามว่าผู้คนมีปฏิสัมพันธ์กับเว็บไซต์ของคุณหรือไม่ และถ้ากลุ่มเป้าหมายของคุณเปลี่ยนอุปกรณ์ (เช่น จากคอมพิวเตอร์ไปยังมือถือ) การมีข้อมูลนี้จะสามารถช่วยให้คุณปรับกลยุทธ์โฆษณาบน Facebook เพื่อให้กลุ่มเป้าหมายดำเนินการตามที่คุณต้องการได้
ยิงโฆษณาซ้ำไปยังผู้ที่เคยเข้าชมเว็บไซต์
ข้อมูลการยิงโฆษณษซ้ำของพิกเซลของ Facebook ช่วยให้คุณสามารถยิงโฆษณาไปยังผู้ที่เคยใช้งานหรือดูเว็บไซต์ของคุณแล้ว ฟีเจอร์นี้สร้างโฆษณาที่เกือบจะเป็นการปรับแต่งให้เหมาะกับแต่ละบุคคล เพราะช่วยให้คุณเจาะไปยังสิ่งที่คนคนนั้นเคยแสดงความสนใจเอาไว้ก่อนหน้านี้ เช่น คุณสามารถยิงโฆษณาสำหรับผลิตภัณฑ์ใดผลิตภัณฑ์หนึ่งที่พวกเขาทิ้งไว้ในตะกร้าหรือใส่ในรายการโปรดได้
สร้างกลุ่มเป้าหมายที่คล้ายคลึงกัน
คุณสามารถใช้ข้อมูลการกำหนดเป้าหมายของ Facebook เพื่อสร้างกลุ่มเป้าหมายที่คล้ายคลึงกันได้ กลุ่มเป้าหมายเหล่านี้จะมีความสนใจ ความชอบ และข้อมูลประชากรที่คล้ายกับผู้ที่สนใจเว็บไซต์และโฆษณาของคุณ ซึ่งจะช่วยให้คุณสามารถขยายฐานลูกค้าและอาจช่วยให้คุณเจอกลุ่มลูกค้าที่คุณคาดไม่ถึงด้วยล่ะ
การใช้พิกเซลของ Facebook ให้เกิดประโยชน์สูงสุด
หากคุณต้องการให้เงินที่คุณจ่ายเป็นค่าโฆษณาบนโซเชียลมีเดียนั้นเกิดประโยชน์สูงสุด คุณควรใช้พิกเซล Facebook เพียงเพิ่มโค้ดนี้ลงไป คุณก็จะสามารถวัด เพิ่มประสิทธิภาพ และสร้างกลุ่มเป้าหมายที่มีความเฉพาะเจาะจงสูงสำหรับแคมเปญโฆษณาของคุณได้ ซึ่งจะส่งผลให้มีคอนเวอร์ชันมากขึ้น รวมทั้งมีรายได้มากขึ้น และ ROI ที่ดีขึ้นสำหรับธุรกิจของคุณ
คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับพิกเซล Facebook
พิกเซล Facebook มีค่าใช้จ่ายเท่าไหร่
พิกเซลของ Facebook นั้นใช้งานได้ฟรี โดยเป็นโค้ดที่คุณสามารถเพิ่มลงไปในโค้ดส่วนบน (Header) เพื่อช่วยในการโฆษณา
พิกเซลของ Facebook ถูกยกเลิกไปแล้วหรือยัง
ยัง โค้ดสำหรับพิกเซล Facebook นั้นได้เปลี่ยนชื่อเป็นพิกเซลของ Meta เนื่องจาก Facebook เปลี่ยนชื่อเป็น Meta การเปลี่ยนแปลงอื่นๆ ที่เกิดขึ้นกับพิกเซลของ Facebook นั้นก็อย่างเช่น ระยะเวลาของการคลิกผ่านตอนนี้คือ 7 วัน ส่วนระยะเวลาของการดูคือ 1 วัน ตอนนี้คุณติดตามเหตุการณ์พร้อมๆ กันได้ทีละ 8 เหตุการณ์เท่านั้น และผู้ใช้ Facebook บน iOS ตอนนี้สามารถเข้าถึงฟีเจอร์ซ่อนอีเมลของฉัน และ Private Relay ได้แล้ว
ข้อดีของพิกเซล Facebook คืออะไร
- ปรับปรุง ROI ที่เกิดจากต้นทุนการโฆษณาบน Facebook
- ใช้ประโยชน์จากการติดตามคอนเวอร์ชันของ Facebook
- ยิงโฆษณาซ้ำไปยังผู้ที่เคยเข้าชมเว็บไซต์
- สร้างกลุ่มเป้าหมายที่คล้ายคลึง
จะเริ่มใช้พิกเซล Facebook ได้อย่างไร
คุณสามารถสร้างพิกเซลของ Facebook โดยทำตามขั้นตอน 6 ขั้นตอน ดังนี้
- ไปที่ตัวจัดการเหตุการณ์ในบัญชีตัวจัดการโฆษณา Facebook ของคุณ
- คลิกเชื่อมต่อแหล่งข้อมูลและเลือกเว็บ
- เลือกพิกเซลของ Facebook และคลิกเชื่อมต่อ
- ตั้งชื่อพิกเซลของคุณ
- เพิ่ม URL เว็บไซต์ของคุณ เพื่อตรวจสอบตัวเลือกการตั้งค่า
- คลิกดำเนินการต่อ