เคสโทรศัพท์แบบคัสตอมเป็นสิ่งที่หาง่าย และได้รับความนิยมจากผู้ที่ต้องการเพิ่มความน่าสนใจให้กับโทรศัพท์ หรือใส่ฟังก์ชันการใช้งานเพิ่มเข้าไปให้กับโทรศัพท์ที่ใครๆ ก็ขาดไม่ได้
การสร้างธุรกิจผลิตและจำหน่ายเคสโทรศัพท์นั้นเรียกได้ว่ามีแต้มต่อหลายประการ ทั้งเป็นสินค้าที่สต๊อกง่ายและจัดส่งง่ายเพราะมีขนาดเล็ก ทั้งยังมีต้นทุนในการผลิตค่อนข้างต่ำเมื่อใช้บริการพิมพ์ตามสั่ง
และด้วยอายุการใช้งานเฉลี่ยของสมาร์ทโฟนซึ่งอยู่ที่ประมาณ 2 ปีครึ่ง ทุกครั้งที่มีการเปิดตัวโทรศัพท์รุ่นใหม่จึงมาพร้อมโอกาสใหม่ๆ ในการขาย
และบทความนี้ก็ได้รวบรวมคำตอบสำหรับทุกทำถามที่หลายคนมักสงสัยเกี่ยวกับวิธีทำเคสโทรศัพท์ ตั้งแต่วิธีการจัดหาเคสชนิดต่างๆ ไปจนถึงที่ที่ดีที่สุดในการขายเคสเลย
ธุรกิจเคสโทรศัพท์มีกำไรหรือไม่
ธุรกิจเคสโทรศัพท์เป็นวิธีทำเงินออนไลน์ที่มีกำไร เคสโทรศัพท์ดูเป็นสิ่งที่ดูท่าจะไม่มีวันตกยุค เพราะมีอัตราการเติบโตเฉลี่ยต่อปีที่ 3.3% และภายในปี 2029 ตลาดเคสโทรศัพท์คาดว่าจะมีมูลค่าสูงถึง 13,600 ล้านดอลลาร์
นอกเหนือจากความสามารถในการทำกำไรแล้ว เคสโทรศัพท์ยังเป็นสินค้าที่จัดการได้ง่าย เพราะโดยปกติเคสโทรศัพท์ก็มักจะมีความแข็งแรง แตกหักยาก ดังนั้นพื้นที่สต๊อกของจึงไม่ต้องใหญ่และมีความเสียหายจากการขนส่งน้อยกว่า นอกจากนี้ยังมีขนาดเล็กและน้ำหนักเบา ทำให้ส่วนต่างกำไรของคุณจะไม่ถูกค่าขนส่งแย่งไปมากนัก นอกจากนี้ เคสโทรศัพท์ยังสามารถดรอปชิปได้ จึงเป็นอีกหนึ่งสินค้าสำหรับโมเดลธุรกิจที่ไม่ต้องมีการสต๊อกของ
มีอะไรที่ต้องรู้มากกว่าวิธีทำเคสโทรศัพท์?
ก่อนจะไปดูวิธีทำเคสโทรศัพท์ ยังมีอีกหลายเรื่องที่คุณต้องรู้เลยล่ะ รวมถึงประเภทของเคสที่ได้รับความนิยมมากที่สุดด้วย มาดูไปพร้อมๆ กัน
ประเภทของเคส
เคสโทรศัพท์บางประเภทออกแบบมาเพื่อเน้นฟังก์ชันการใช้งานล้วนๆ ในขณะที่บางประเภทมุ่งเน้นที่ความสวยงามก็เน้นไปที่ความสวยงาม ลองพิจารณาขายเคสหลักๆ เหล่านี้ดูสิ
เคสแบบบางและเคสเจล
เคสแบบบางจะไม่ทำให้มิติความบางเฉียบของสมาร์ทโฟนยุคนี้หายไป แม้จะการปกป้องกรณีที่จะแตกหรือถูกขีดข่วนไม่มาก แต่เคสเหล่าก็มาพร้อมสัมผัสที่ยึดเกาะได้ดีจากวัสดุซิลิโคนเจลที่ยืนหยุ่น เคสแบบบางยังเป็นเป็นวิธีตกแต่งโทรศัพท์ที่ผู้บริโภคไม่ต้องจ่ายแพง แถมยังมาในดีไซน์และสีสันที่สะดุดตาอีกด้วย
เคสประเภทนี้คือเคสที่คุณสามารถออกแบบและขายได้ในราคาถูกที่สุด ทำให้เป็นตัวเลือกที่ดีสำหรับบริการพิมพ์ตามสั่ง
เคสบัมเปอร์
เคสบัมเปอร์จะแตกต่างจากเคสแบบบางตรงที่จะคลุมเฉพาะด้านข้างหรือกรอบของโทรศัพท์ เคสประเภทนี้อาจมีชิ้นส่วนเพิ่มเติมเพื่อป้องกันด้านหลังจากรอยขีดข่วน โดยมาก เคสบัมเปอร์มักทำจากวัสดุที่แข็งแรงและทนต่อแรงกระแทกเพื่อป้องกันโทรศัพท์จากการกระแทกและการตกหล่น
เคสแบบพับหรือแบบกระเป๋าสตางค์
เคสแบบพับมีฝาปิดที่พับได้ ซึ่งจะปิดด้านหน้าของโทรศัพท์เพื่อป้องกันหน้าจอจากฝุ่นและรอยขีดข่วน จึงทำให้โทรศัพท์มีลักษณะเหมือนสมุดโน้ตขนาดเล็ก
เคสแบบพับบางตัวยังทำหน้าที่เหมือนกระเป๋าสตางค์ได้ด้วย เช่น สามารถใส่ธนบัตรหรือบัตรเครดิตได้ ส่วนบางตัวก็สามารถใช้เป็นขาตัวเพื่อให้สามารถดูจอโทรศัพท์ได้ง่ายขึ้น
เคสประเภทนี้มักจะมาในวัสดุคล้ายหนัง โดยมากจะมีราคาสูงกว่าเคสแบบบางและเคสบัมเปอร์ แต่ก็สามารถดึงดูดผู้บริโภคได้หลายกลุ่ม
เคสแบบทนทาน
ผู้บริโภคจำนวนมากมองว่าเคสโทรศัพท์ไม่ใช่แค่ทางเลือกด้านความสวยงาม แต่เป็นการป้องกันโทรศัพท์จากความเสี่ยงในชีวิตประจำวันด้วย เคสแบบทนทานมักมีขนาดใหญ่และหนักกว่าแบบอื่น ๆ เนื่องจากมีคุณสมบัติด้านการป้องกัน เช่น มีตัวดูดซับแรงกระแทกและทำจากพลาสติกที่ทนทาน
นักช้อปที่มองหาเคสแบบทนทานมักจะสนใจโครงสร้างของเคสและคำโฆษณาด้านความทนทาน ดังนั้นนี่คือสิ่งสำคัญที่คุณต้องห้ามลืมเวลาเขียนคำอธิบายผลิตภัณฑ์ ข้อมูลเกี่ยวกับการทดสอบการตกกระแทก การกันน้ำ และความน่าเชื่อถือของแบรนด์ อาจช่วยเพิ่มความมั่นใจให้กับลูกค้าของคุณได้
เคสแบตเตอรี่
อายุการใช้งานของแบตเตอรี่ยังคงเป็นปัญหาที่ผู้บริโภคกังวลในตลาดสมาร์ทโฟน แม้ว่าเคสแบตเตอรี่จะมีราคาสูงกว่าเคสอื่น ๆ แต่เคสประเภทนี้ก็นับว่าเป็นวิธีแก้ปัญหาที่หลายๆ คนกังวลนั่นเอง เคสประเภทนี้จะช่วยให้ผู้ใช้สามารถใช้งานโทรศัพท์ได้นานขึ้น 2 หรือ 3 เท่าในการชาร์จแต่ละครั้ง
เนื่องจากเคสเหล่านี้ไม่เพียงแต่ปกป้องโทรศัพท์ของคุณ แต่ยังชาร์จโทรศัพท์ให้คุณได้ด้วย เคสแบตเตอรี่จึงเป็นโอกาสทางการตลาดที่ดี โดยเฉพาะสำหรับโทรศัพท์รุ่นที่มีคนบ่นเรื่องปัญหาอายุการใช้งานแบตเตอรี่บ่อยครั้ง
เคสซิลิโคน
ซิลิโคนเป็นวัสดุราคาไม่แพงอีกชนิดที่ควรพิจารณาเมื่อขายเคสโทรศัพท์ออนไลน์ เคสซิลิโคนมีความนุ่ม ทนทาน และยังสามารถทำงานได้ดีในอุณหภูมิสูง คุณสามารถหาเคสซิลิโคนได้จากซัพพลายเออร์ดรอปชิป ในราคาเพียงเคสละไม่กี่สิบบาท
โทรศัพท์รุ่นต่างๆ
ในการเริ่มต้นธุรกิจเคสโทรศัพท์นั้น ไม่เพียงแต่คุณต้องโฟกัสไปที่ประเภทของเคสที่คุณจะขาย แต่คุณยังต้องคิดถึงประเภทโทรศัพท์และรุ่นด้วย
การตัดสินใจว่าจะมีเคสสำหรับรุ่นไหนบ้างเป็นการตัดสินใจทางการตลาดที่สำคัญ ซึ่งต้องมาจากการศึกษาเทรนด์ในตลาดอย่างละเอียด กระบวนการจะเปิดโอกาสให้คุณได้เจาะลึกลงไปยังตลาดเฉพาะกลุ่มที่เกี่ยวข้องกับโทรศัพท์รุ่นต่างๆ โดยเฉพาะเจาะจงอีกด้วย
เป้าหมายของขั้นตอนนี้คือการหาว่ามีความต้องการที่เฉพาะเจาะจงอะไรบางสำหรับโทรศัพท์มือถือรุ่นนั้นๆ คุณอาจเจอว่ามีสมาร์ทโฟนบางรุ่นที่ไม่ค่อยมีคนทำเคสออกมา ทำให้คุณมีโอกาสในการจับตลาดเฉพาะ
ตัวอย่างรุ่นโทรศัพท์ที่น่าสนใจสำหรับการออกแบบเคสโทรศัพท์แบบคัสตอม
iPhone
- iPhone 8
- iPhone X
- iPhone 11
- iPhone 12
- iPhone 12 Pro Max
- iPhone 13 min
- iPhone 13 SE
- iPhone 13 Pro
- iPhone 13 Pro Max
- iPhone 14
- iPhone 14 Pro
- iPhone 14 Pro Max
- iPhone 14 Plus
Samsung Galaxy
- Galaxy S
- Galaxy A
- Galaxy F
- Galaxy M
- Galaxy Z
Xiaomi
- Mi 9
- Mi 10
- Mi 11
- Xiaomi 11
- Xiaomi 12
ในการหารุ่นโทรศัพท์ที่ทำกำไรได้ ให้คุณเริ่มต้นด้วยการทำค้นคว้าคีย์เวิร์ด โดยใช้เครื่องมือ เช่น Google Keyword Planner หรือ KWFinder เพื่อประเมินยอดการค้นหาสำหรับเคสของโทรศัพท์บางรุ่น
ถ้าคุณมีแผนจะใช้ Google Ads เพื่อขายผลิตภัณฑ์ของคุณ ขั้นตอนนี้เป็นขั้นตอนสำคัญในการหาว่าผลิตภัณฑ์ของคุณควรไปปรากฏที่หน้าเว็บไหนตอนเสิร์ช
วิธีทำเคสโทรศัพท์ขาย เริ่มต้นธุรกิจง่ายๆ ด้วยตัวเอง
แบรนด์เคสโทรศัพท์ที่ประสบความสำเร็จไม่ได้เกิดขึ้นในชั่วข้ามคืน แบรนด์เหล่านี้ได้ดำเนินการตามแผนธุรกิจ และมีความมุ่งมั่นที่จะเติบโตอย่างยั่งยืน
บทความนี้นอกจากจะแชร์วิธีทำเคสโทรศัพท์แล้ว ยังมาพร้อมคู่มือที่จะสอนวิธีวางโครงสร้างโมเดลธุรกิจไปทีละขั้น เพื่อให้คุณสามารถสร้างธุรกิจเคสโทรศัพท์ของตัวเองได้สำเร็จ
- หาว่าตลาดต้องการอะไร
- จัดทำแผนธุรกิจ
- หาว่ากลุ่มเป้าหมายคือใคร
- เริ่มออกแบบ
- จัดหาเคสโทรศัพท์
- เลือกชื่อแบรนด์และโลโก้
- เลือกระดับของราคา
- สร้างร้านค้าออนไลน์ของคุณ
- ทำการตลาดให้กับธุรกิจของคุณ
1. หาว่าตลาดต้องการอะไร
ธุรกิจหลายเจ้าประสบความสำเร็จเพราะการเป็นผู้นำในอุตสาหกรรมของตน ดังนั้นในระหว่างที่คุณกำลังสร้างแบรนด์เคสโทรศัพท์ของคุณ ให้คุณพิจารณาว่าคุณจะมุ่งเป้าไปที่ผู้บริโภคกลุ่มใด ตัวอย่างเช่น คุณจะเป็นผู้นำในด้านเคสสำหรับกิจกรรมกลางแจ้งได้ไหม หรือจะเป็นเคสกราฟิกที่ออกแบบโดยศิลปินอิสระล่ะ
ตอนเริ่มตั้งธุรกิจเคสโทรศัพท์ Andrew Moore จาก Felony Case หาช่องว่างแบบเฉพาะเจาะจงสำหรับ iPhone เจอ โดยเขาเห็นช่องว่างระหว่างเคสพื้นๆ ที่คุณสามารถหาได้จากขายของจิปาถะและตู้ขายอุปกรณ์โทรศัพท์ตามห้าง กับเคสแพงๆ ที่มอบการป้องกันและผลิตโดยพันธมิตรอย่างเป็นทางการของ Apple
เพื่อฉวยช่องว่างในตลาดนี้ Felony Case จึงทำการตลาดให้กับผลิตภัณฑ์ของตัวเอง โดยมุ่งไปที่ “กลุ่มคนสนใจแฟชั่นที่กำลังมองหาสิ่งที่ไม่เหมือนใคร” Andrew จึงโฟกัสไปที่การผลิตเคสเก๋ๆ ที่สามารถป้องกันการตกกระแทกได้
2. จัดทำแผนธุรกิจ
แผนธุรกิจจะช่วยชี้นำการเดินทางทั้งหมดของคุณเมื่อคุณสร้างธุรกิจเคสโทรศัพท์ แผนธุรกิจสามารถช่วยสร้างความชัดเจนให้กับกลยุทธ์ของคุณ ระบุว่าอะไรคืออุปสรรค คาดการณ์ทรัพยากร และประเมินแนวคิดทางธุรกิจ ก่อนที่คุณจะเปิดตัว
การจัดทำแผนธุรกิจยังเป็นการบังคับให้คุณไม่ลืมตั้งเป้าหมาย คุณต้องการเป็นแบรนด์ที่ใครๆ ก็รู้จักและมีวางจำหน่ายในห้างร้านมากมายหรือเปล่า หรืออยาเป็นแบรนด์พรีเมียมที่วางขายในร้านแพงๆ ล่ะ แล้วคุณจะเปิดร้านค้าออนไลน์และขายให้กับลูกค้าของคุณโดยตรงหรือเปล่า
หาเป้าหมายทางธุรกิจของคุณให้เจอ และจำได้ให้ขึ้นใจเมื่อคุณสร้างธุรกิจเคสโทรศัพท์ของตัวเอง
3. หาว่ากลุ่มเป้าหมายคือใคร
การออกแบบเคสโทรศัพท์จะไม่ค่อยมีประโยชน์ถ้าผลิตภัณฑ์ของคุณไม่โดนใจตลาดเป้าหมาย ข้อมูลที่มีประโยชน์ในการทำความเข้าใจลูกค้าของคุณมากขึ้นนั้นก็อย่างเช่น
- ช่วงอายุ
- อาชีพ
- รูปแบบการใช้จ่าย
- ความสนใจ
- ไลฟ์สไตล์
- นิสัยและกิจวัตร
ในการรวบรวมข้อมูลนี้ ธุรกิจใหม่ๆ มักจะหันไปพึ่งโซเชียลมีเดีย โดยใช้เครื่องมือเช่น Facebook Audience Insights ส่วนแหล่งข้อมูลอื่นๆ ก็อย่างเช่น แบบสำรวจลูกค้า รายชื่ออีเมลของคนที่เข้าข่าย เป็นต้น
อย่าลืมพิจารณาข้อดีข้อเสียให้ถี่ถ้วนเมื่อเลือกกลุ่มเป้าหมาย ตัวอย่างเช่น คนหนุ่มสาวมักจะเปิดรับการตลาดแบบไวรัลและการบอกต่อมากกว่า แต่พวกเขามักจะมีเงินจำกัด ส่วนผู้ซื้อวัยกลางคนก็อาจจะซื้อเคสโทรศัพท์ที่มีราคาแพงไหว แต่พวกเขาอาจจะไม่ใส่ใจในเรื่องแฟชั่นมากนัก
4. เริ่มออกแบบ
ดีไซน์ของเคสโทรศัพท์คือสิ่งที่ทำให้คุณแตกต่างจากคนอื่นๆ เมื่อขายเคสโทรศัพท์แบบคัสตอมทางออนไลน์ นอกจากนี้ ยังเป็นขั้นตอนที่คุณสามารถปล่อยให้ความคิดสร้างสรรค์ได้อย่างเต็มที่อีกด้วย ดีไซน์ชุดแรกที่คุณเปิดตัวสู่สาธารณะจะเป็นเหมือนโหมโรงที่แนะคำให้คนรู้จักแบรนด์คุณ ดังนั้นคุณต้องออกแบบให้เจ๋งเข้าไว้เพื่อให้การเริ่มต้นนั้นปัง
การออกแบบเคสโทรศัพท์ก็มีอยู่ 2 วิธีหลักๆ ได้แก่
ร่วมมือกับนักออกแบบและศิลปิน
คอมมิวนิตี้ เช่น Dribbble เป็นสถานที่ที่ดีในการค้นหานักออกแบบตามสไตล์ที่คุณต้องการ หรือหากคุณกำลังมองหาดีไซน์ที่คุ้มราคา คุณก็สามารถหาฟรีแลนซ์ที่คิดราคาไม่สูงมากได้ตามตลาดต่างๆ อาทิ Fiverr เป็นต้น ทั้งนี้ คุณควรพยายามร่วมมือกับนักออกแบบสามารถดีไซน์ผลงานอันเป็นเอกลักษณ์ไม่เหมือนใครได้ เพื่อช่วยให้เคสโทรศัพท์ของคุณโดดเด่นกว่าใคร
ออกแบบเคสโทรศัพท์ของคุณเอง
เมื่อใช้ซอฟต์แวร์หรือแอปพิมพ์ตามคำสั่ง คุณก็สามารถทำม๊อกอัปให้กับเคสโทรศัพท์ของคุณได้ เครื่องมือเหล่านี้ช่วยให้คุณสามารถใช้ภาพ ลวดลาย และฟอนต์ที่เป็นเอกลักษณ์ รวมใส่แบรนด์และโลโก้ของคุณลงไปได้ด้วย
อย่างไรก็ตาม ต้องระวังว่าไม่ใช่ว่าซัพพลายเออร์ทุกเจ้าจะสามารถพิมพ์ที่ด้านข้างๆ ของเคสให้คุณได้ หลายเจ้าจะพิมพ์เฉพาะด้านหลัง ดังนั้นคุณใส่ใจเรื่องนี้ให้ดีในระหว่างที่ออกแบบและหาซัพพลายเออร์
ให้คุณลองออกแบบมาหลายๆ แบบ เพื่อไม่ให้คุณถูกผูกขาดอยู่กับแค่ไอเดียเดียว ให้คุณสอบถามฟีดแบ็กตั้งแต่เนิ่นๆ โดยใช้วิธีอย่างเช่น
- โพสต์ดีไซน์ของคุณลงใน TikTok, Instagram หรือ Pinterest เพื่อประเมินความสนใจ
- ขอความคิดเห็นจากเพื่อนและครอบครัว
- โพสต์ดีไซน์ของคุณใน Subreddits ที่เกี่ยวข้อง (เช่น r/pugs หากคุณขายเคสสำหรับคนเลี้ยงน้องหมา)
5. จัดหาเคสโทรศัพท์
เมื่อการออกแบบเสร็จสิ้น ก็ถึงเวลาใช้ความรู้ด้านวิธีทำเคสโทรศัพท์แบบคัสตอมของคุณ ถ้าคุณไม่ได้ต้องการจะลงทุนในเครื่องพิมพ์ คุณก็มี 3 ตัวเลือกในการผลิตเคสโทรศัพท์
ค้นหาผู้ผลิต
การค้นหาซัพพลายเออร์เป็นอีกหนึ่งวิธีทำเคสโทรศัพท์ เพื่อเพิ่มผลกำไรให้คุณได้สูงสุด Alibaba มีรายชื่อผู้ผลิตในจีนที่ผลิตเคสโทรศัพท์ประเภทต่างๆ ที่มีคุณภาพสูง ไม่ว่าจะเป็นเคสแบบบาง แบบพับ และแบตเตอรี่
แม้ว่าคุณจะต้องซื้อในปริมาณมากเพราะมีจำนวนขั้นต่ำในการสั่งซื้อ แต่ก็แปลว่าคุณจะมีโอกาสในการตั้งราคาที่ดีกว่า และสามารถทำกำไรจากยอดขายได้ทุกครั้ง
นอกจากนี้ คุณยังสามารถร่วมมือกับผู้ผลิตในประเทศเพื่อดึงดูดผู้บริโภคที่สนใจสนับสนุนธุรกิจท้องถิ่น แต่ไม่ว่าคุณจะเลือกวิธีไหน คุณควรสั่งตัวอย่างเคสมาดูก่อน ก่อนที่จะตัดสินใจสั่งซื้อเป็นจำนวนมาก
และด้วยความที่การสต๊อกเคสโทรศัพท์ในใช้พื้นที่ไม่มาก ถ้าคุณมั่นใจว่าเคสโทรศพัท์ของคุณจะขายดี คุณก็สามารถลงทุนในการขายแบบออฟไลน์โดยการตั้งบูธในย่านที่มีคนเดินผ่านไปมาสูง เช่น ห้างสรรพสินค้าได้
ใช้บริการพิมพ์ตามสั่ง
Printful และ Printify เป็นบริการที่ให้คุณพิมพ์เคสโทรศัพท์ตามสั่งได้ ถึงการขายเคสแบบพิมพ์ตามสั่งจะทำให้คุณมีส่วนต่างกำไรน้อยลง แต่วิธีนี้ก็จะช่วยให้คุณไม่ต้องรับผิดชอบด้านการจัดส่งและการจัดการคำสั่งซื้อ ดังนั้นจึงคุณไม่จำเป็นต้องสต๊อกเคสไว้กับตัว
วิธีทำเคสโทรศัพท์ลักษณะนี้ ถ้าคุณขายในร้านค้า Shopify ล่ะก็ คุณสามารถผสานร้านค้าของคุณเข้ากับแอปบริการพิมพ์ตามสั่งได้ ดังนั้นสิ่งที่คุณต้องกังวลก็เหลือแค่การทำยอดขายนั่นเอง
การตรวจสอบว่าดีไซน์นั้นเวิร์กไหมก็อาจเป็นเรื่องที่ซับซ้อนอยู่หน่อยๆ แต่ข้อดีอีกประกายของโมเดลบริการพิมพ์ตามสั่งก็คือความสามารถในการทดสอบแนวคิดโดยไม่ต้องลงทุนในสต็อกยังไงล่ะ
การดรอปชิปเคสโทรศัพท์
แทนที่จะผลิตเคสโทรศัพท์แบบคัสตอมด้วยตัวเอง คุณอาจเลือกวิธีทำเคสโทรศัพท์แบบดรอปชิปผลิตภัณฑ์ที่มีอยู่จากซัพพลายเออร์ที่มีบริการจัดการการจัดส่งคำสั่งซื้อ คุณสามารถดรอปชิปได้ง่ายๆ เมื่อใช้แอปอย่าง DSers เพื่อนำเคสโทรศัพท์จาก Aliexpress มาสู่ร้านค้า Shopify ของคุณ
6. เลือกชื่อแบรนด์และโลโก้
การนิยามตัวตนให้กับธุรกิจของคุณในสายตาสาธารณะเริ่มต้นด้วยการเลือกชื่อธุรกิจและโลโก้
คุณสามารถใช้เครื่องมือออกแบบฟรี เช่น โปรแกรมสร้างโลโก้ ShopifyLogo เพื่อช่วยสร้างโลโก้และแบรนด์ของคุณ เพียงแค่ตอบคำถามไม่กี่ข้อเกี่ยวกับธุรกิจ แล้วเครื่องมือสร้างโลโก้ก็จะเสนอเทมเพลตหลายสิบแบบมาให้ คุณสามารถดาวน์โหลดแอสเซ็ตสำหรับ Facebook, Twitter, Instagram และ YouTube เพื่อสร้างตัวตนของแบรนด์ที่สอดคล้องกันในทุกช่องทางได้เลย
ลูกค้ามักจะเปิดรับแบรนด์ที่มีเรื่องราวที่ดี ดังนั้นพยายามร้อยเรียงเรื่องราวลงในชื่อแบรนด์ โลโก้ และเว็บไซต์ของคุณ ถ้าคุณผลิตเคสโทรศัพท์ คุณจะต้องเตรียมข้อมูลนี้ให้พร้อมก่อนที่ผลิตภัณฑ์ชุดแรกจะเปิดตัว จากนั้นคุณก็สามารถเริ่มขายเคสของคุณได้ทันที
7. เลือกระดับของราคา
การตั้งราคาเคสโทรศัพท์เป็นหนึ่งในการตัดสินใจที่สำคัญที่สุดที่คุณต้องทำ กระบวนการนี้ส่งผลกระทบต่อธุรกิจของคุณในเกือบทุกด้าน ตั้งแต่กระแสเงินสดไปจนถึงส่วนต่างกำไร และการตัดสินใจว่าต้นทุนไหนที่คุณสามารถจ่ายได้บ้าง
เลือกระดับราคาที่ครอบคลุมต้นทุนการผลิตของคุณ แต่ไม่ทำให้ลูกค้าวิ่งหนี จำไว้ว่าคุณต้องการมุ่งหวังให้ส่วนต่างกำไรที่คุณสามารถขยายตัวได้ง่ายๆ ถ้าดีไซน์ของคุณเป็นที่นิยม
8. สร้างร้านค้าออนไลน์ของคุณ
การสร้างร้านค้าจะทำให้คุณมีทางเลือกหรือช่องทางขายสินค้าเพิ่มเติมผ่านเว็บไซต์ขายของออนไลน์ การเปิดร้านค้าของคุณเองก็ยังช่วยให้คุณควบคุมแบรนด์ของคุณได้อีกด้วย
Andrew สร้าง Felony Case โดยโฟกัสไปที่การสร้างเว็บไซต์ของแบรนด์ก่อนเป็นอันดับแรก จากนั้นจึงขยับขยายไปยังตลาดออนไลน์
“เว็บไซต์ของเราและร้านค้าปลีกของเราเป็นแหล่งที่มาของผู้เยี่ยมชมและยอดขายที่ใหญ่ที่สุดเลยทีเดียว… [ลูกค้า] ต้องการหาที่อยู่เว็บไซต์ของคุณโดยตรง เพื่อยืนยันว่าแบรนด์นั้นเป็นของแท้” Andrew กล่าว
นักช้อปอาจเปิดไปดูโปรไฟล์โซเชียลมีเดียต่างๆ ด้วย ไม่ว่าจะเป็น Instagram และ Facebook เพื่อดูว่าคุณมีความเคลื่อนไหวที่นั่นหรือไม่
“ผมคิดว่าทุกจุดที่เรามีปฏิสัมพันธ์กับลูกค้าจะทำงานส่งเสริมกัน และทำให้แบรนด์ของคุณเห็นเรื่องราวเกี่ยวกับออนไลน์ได้รอบด้านแบบ 360 องศา” Andrew กล่าว
9. ทำการตลาดให้กับธุรกิจของคุณ
เมื่อคุณหาเจอว่าตลาด ผลิตภัณฑ์ และห่วงโซ่อุปทานของคุณเป็นยังไงแล้ว ตอนนี้ก็ถึงเวลาที่จะโปรโมทเคสโทรศัพท์ของคุณในช่องทางการตลาดให้ได้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้
ในเรื่องของการตลาดนั้น ลองใช้ช่องทางและกลยุทธ์เหล่านี้ดูสิ
การตลาดผ่านเครื่องมือค้นหา
การตลาดผ่านเครื่องมือค้นหาช่วยให้คุณเข้าถึงผู้คนที่กำลังค้นหาเคสสำหรับสมาร์ทโฟนเฉพาะรุ่น ผู้คนที่เข้ามาค้นหามีความตั้งใจซื้ออยู่แล้ว จึงหมายความว่าจะมีการคลิกที่เกี่ยวข้องกับผลิตภัณฑ์ของคุณและโทรศัพท์รุ่นที่คุณมีเคสวางจำหน่ายเข้ามามากที่สุด และคุณสามารถทำได้แบบออร์แกนิกโดยใช้ SEO หรือจ่ายเงินเพื่อโปรโมทผ่าน Google Ads
การโฆษณาบน Facebook
ถ้าดีไซน์ของคุณมุ่งเจาะกลุ่มที่มีความสนใจในเรื่องใดเรื่องหนึ่งโดยเฉพาะ โฆษณาบน Facebook ก็เป็นอีกหนึ่งช่องทางของวิธีทำเคสโทรศัพท์ขายที่ได้ผล เพราะสามารถช่วยให้คุณทำการตลาดไปถึงคนที่มีโปรไฟล์ตอบโจทย์คุณได้
การตลาดบน Instagram
Instagram เป็นแพลตฟอร์มที่เน้นสื่อสารด้วยภาพ จึงเป็นที่ที่เหมาะสำหรับการโชว์งานดีไซน์ของคุณ ทั้งยังมีตัวเลือกให้โฆษณาแบบชำระเงินด้วย
การตลาดผ่านอินฟลูเอ็นเซอร์
การร่วมมือกับ YouTuber, Instagrammer และ TikToker สามารถช่วยให้คุณใช้ความดังของพวกเขา ทำให้เคสมือถือของคุณไปถึงคนจำนวนมากขึ้นได้
การบอกต่อ
ถึงการโพสต์ลงโซเชียลมีเดียและการร่วมมือกับอินฟลูเอ็นเซอร์จะทำให้คุณไปได้ไกล แต่อย่าลืมการบอกต่อล่ะ ถ้าลูกค้าของคุณชอบเคสโทรศัพท์ของคุณ นั่นก็เป็นโอกาสที่ดีมากๆ ในการทำการตลาดเพิ่มนะ ขอให้ลูกค้าของคุณเขียนรีวิวเพื่อให้คุณนำข้อความของลูกค้า (ที่ลูกค้าให้ความยินยอมแล้ว) ไปใช้ทำการตลาด
ได้เวลาเปิดตัว Startup เคสโทรศัพท์ของคุณแล้ว!
เช่นเดียวกับตลาดอื่นๆ ที่มีการแข่งขันสูง การจะประสบความสำเร็จในวงการเคสโทรศัพท์ให้ได้นั้น ต้องอาศัยความสามารถในการเจาะตลาดลูกค้าที่มีความสนใจเฉพาะเจาะจงและสร้างกำไรให้คุณได้ ทำการตลาดให้ถูกต้อง หาว่าดีไซน์แบบไหนโดนใจลูกค้า และเรียนรู้เกี่ยวกับลูกค้าของคุณให้ได้มากที่สุด จากนั้นสิ่งที่คุณเริ่มต้นจากการเป็นธุรกิจเสริมที่ทำกำไร ก็อาจกลายเป็นธุรกิจหลักแบบฟูลไทม์ให้คุณได้ภายในเวลาอันรวดเร็วได้
ภาพประกอบโดย Rachel Tunstall
คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับวิธีทำเคสโทรศัพท์ขาย
จะเริ่มธุรกิจเคสโทรศัพท์ได้อย่างไร?
- หาว่าตลาดต้องการอะไร
- สร้างแผนธุรกิจ
- หาว่ากลุ่มเป้าหมายคือใคร
- ออกแบบเคสโทรศัพท์ของคุณ
- ค้นหาผู้ผลิต
- เลือกชื่อแบรนด์และโลโก้
- เลือกระดับของราคา
- สร้างเว็บไซต์อีคอมเมิร์ซของคุณ
- ทำการตลาดให้กับธุรกิจของคุณ
เคสโทรศัพท์เหมาะสำหรับการดรอปชิปหรือไม่?
เคสโทรศัพท์เป็นผลิตภัณฑ์ที่เหมาะสำหรับการดรอปชิป เพราะมีน้ำหนักเบาและจัดหาง่าย คุณสามารถค้นหารุ่นต่าง ๆ จากซัพพลายเออร์เช่น Alibaba หรือ AliExpress แล้วนำมาขายในร้านค้าออนไลน์ของคุณ โดยไม่ต้องสต๊อกสินค้าไว้สักชิ้น
วิธีทำเคสโทรศัพท์ขาย มีค่าใช้จ่ายเท่าไหร่?
การเริ่มธุรกิจเคสโทรศัพท์ต้องใช้การลงทุนด้านเวลามากกว่าด้านตัวเงิน คุณสามารถทดลองใช้ Shopify และนำเข้าเคสโทรศัพท์ได้ฟรีจากซัพพลายเออร์ดรอปชิป คุณจะต้องชำระเงินก็ต่อเมื่อมีลูกค้าสั่งซื้อเข้ามาเท่านั้น